แรงบันดาลใจ (บ้านโกดังเตี่ย THE GRAZIE) ทายาทรุ่นที่หนึ่ง รับมรดกโกดังตากข้าวโพดจากเตี่ย ในปีพ.ศ. 2534 ซึ่งในตอนนั้นทายาทเพิ่งจะจบแพทย์มาใหม่ๆ ยังมีความสุขกับการทำงานด้านการแพทย์ จึงไม่ได้สนใจ ปล่อยให้โกดังนี้ทิ้งร้างมากว่า 30 ปี จนกระทั่งทายาทมีอายุวัยเกษียณจึง ได้มีเวลามาดู พบว่ามีป่าหญ้าขึ้นเต็มพื้นที่แทบมองไม่เห็นโกดัง(มีรูปประกอบ)จึงได้ระดมพนักงานในคลินิกจำนวน 23 คนมาพักผ่อนที่เขาใหญ่ แล้วถือโอกาสให้พนักงานถางหญ้าทั้งหมดออกจึงพบว่าด้านหลังสุดของที่ดินแปลงนี้ซึ่งมีเนื้อที่ 200 ตรว. มีโกดังเก็บของและลานหน้าโกดังเป็นปูนซีเมนต์ (ในอดีตใช้เป็นลานตากข้าวโพด) ซึ่งลานตากข้าวโพดนี้ มีโครงสร้างโดยใช้ไม้ไผ่แทนเหล็กเส้น (สมัยก่อนเหล็กเส้นมีราคาแพงจึงนิยมใช้ไม้ไผ่เป็นตัวเสริมแรง) ลานตากข้าวโพดนี้ยังอยู่ในสภาพที่ดี เมื่อเอาต้นไม้และป่าหญ้า ออกไปแล้ว ความคิดในแว๊บแรกของทายาท คือ รื้อโกดังทั้งหมดและจะสร้างอพาร์ตเมนต์ให้เช่า หรือสร้างทาวน์เฮ้าขายได้ซัก 4 ห้อง
แต่เมื่อพิจารณาจากโครงสร้างของโกดัง ไม้ที่ทำโกดังยังมีในสภาพดี และะพบว่าเป็นไม้เนื้อแข็งที่ปลวกไม่กินแล้ว ส่วนที่ปลวกกินก็ผุพังไปหมดแล้ว มีเสาไม้ขนาดใหญ่ขนาด 8 นิ้ว X 8 นิ้วสภาพดีทุกต้น ไม้แปร ไม้ฝา ไม้ตง ก็มีความแข็งแรง และสมบูรณ์ยังทรงคุณค่าของความเป็นไม้ที่ปัจจุบันจะหาซื้อไม่ได้อีกแล้ว(จนมีชาวบ้านมาขอซื้อไม้ดังกล่าว) แต่ด้วยทายาทเป็นคนชอบอนุรักษ์และเสียดายของ(ของส่วนใหญ่ของทายาทจะเก็บไว้มิได้ขาย ทายาทเป็นคนชอบกำจัดขยะและดัดแปลงสิ่งของเหลือใช้ นำมาประยุกต์เพื่อเป็นประโยชน์อยู่เสมอ) เมื่อทายาทได้คิดพิจารณาแล้วว่า ถ้าขายไม้โครงสร้างนี้ไปก็คงจะได้เงินไม่เท่าไหร่ ประกอบกับทายาทเป็นคนที่ชอบลงมือทำอะไรด้วยตัวเองเสมอมาตลอดชีวิต
อ่านต่อ"เตี่ย" ในที่นี้หมายถึง นายเท่งปัง แซ่ลี้ ชายชาวจีนจากเมืองซัวเถาประเทศจีน ได้อพยพหนีระบบคอมมิวนิสต์มาทางเรือสำเภา มาลงท่าเรือปากคลองตลาด กรุงเทพฯ เมื่อ 100 กว่าปีก่อน มาทำมาหากินเหมือนชาวจีนอพยบที่มาอยู่เมืองไทยคนอื่นๆ รับจ้างทำทุกอย่างที่เป็นเงินด้วยความยากลำบากเท่าไหร่ไม่สน และเมื่ออายุ 20 ปีก็ได้แต่งงานกับสาวจีนที่เกิดในเมืองไทยพากันอาศัยอยู่แถวถนนเสือป่า ทำอาชีพเจียวน้ำมันหมูขายส่งในตลาดเก่าย่านเยาวราช
ในปี พ.ศ. 2482 เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงต้องอพยบครอบครัวหนีภัยสงคราม โดยลงเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นเหนื่อ ไปขึ้นที่ท่าน้ำปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์พร้อมบุตรชาย และบุตรหญิงคนโตในขณะนั้น ทำอาชีพขายของชำอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านตลาดตึกขาวอยู่นานสักระยะหนึ่ง พอเก็บหอมรอมริบเงินทองได้สักก้อนหนึ่ง
ในปี พ.ศ. 2490 ได้ไปประมูลโรงยาฝิ่นได้ที่ท่าทรุด ตำบลเก้าเลี้ยว อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ขณะนั้นกิจการดำเนินไปได้ด้วยดี ฐานะเป็นปึกแผ่นมั่นคงยิ่งขึ้น เป็นเอเจ้นจำหน่ายสุราที่ตำบลเก้าเลี้ยวแห่งนี้ และได้ให้กำเกิดบุตร ชาย-หญิง อีก 5 คน
ในปี พ.ศ. 2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้มีคำสั่งให้ยกเลิกโรงยาฝิ่นทั้งประเทศ โดยให้ถือว่ายาฝิ่นเป็นสิ่งผิดกฏหมายตั้งแต่นั้นมา ทำให้ครอบครัวต้องปิดกิจกาจโรงงานยาฝิ่น และย้ายถิ่นฐานอีกครั้งไปอยู่ที่เดิม คือ ตำบลปากน้ำโพ หรือ อำเภอเมืองจังหวัดนครสวรรค์ โดยคราวนี้มาเปิดกิจการผลิต และให้เช่าสามล้อถีบในเมืองปากน้ำโพ ซึ่งกิจการไม่ค่อยสู้ดีนัก
ในปี พ.ศ. 2503 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ยกเลิกการใช้สามล้อถีบในกรุงเทพ ทำให้จำนวน สามล้อถีบ ในกรุงเทพทะลักไปสู่ต่างจังหวัด ราคาสามล้อถีบที่ปากน้ำโพจึงมีราคาตกต่ำลงเป็นอย่างมากจึงทำให้ กิจการอู่สามล้อถีบของเตี่ยแย่ลง ประกอบกับบ้านถูกไฟไหม้ เตี่ยจึงต้องหาอาชีพเสิรม คือ การเร่ขายของ ตามต่างอำเภอ และต่างจังหวัด นาน ๆ จะได้กลับบ้านปากน้ำโพสักทีนึง
อ่านต่อFree Wi-Fi
ขอเชิญทุกท่านมาร่วมสัมผัสบรรยากาศอันเงียบสงบและเป็นธรรมชาติที่บ้านโกดังเตี่ย บ้านพักตากอากาศที่ผสมผสานเสน่ห์ของอดีตกับความสะดวกสบายในปัจจุบัน ท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบายใกล้เขาใหญ่ บ้านโกดังเตี่ยยังคงรักษาโครงสร้างไม้เนื้อแข็งที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และหายากไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ สถานที่นี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพักผ่อนสังสรรค์กับครอบครัวและเพื่อนฝูง ให้คุณได้ดื่มด่ำกับความงดงามของธรรมชาติ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของการพักผ่อน
บ้านโกดังเตี่ยไม่ใช่แค่เพียงบ้านพักธรรมดา แต่เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำและเรื่องราวที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น การมาเยือนที่นี่จึงเป็นการเปิดประสบการณ์ที่แตกต่าง ให้คุณได้ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคสมัยที่เรียบง่ายและสงบสุข มาร่วมสร้างความทรงจำใหม่ ๆ กับเรา แล้วคุณจะหลงรักในเสน่ห์ของบ้านโกดังเตี่ย ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
รับส่วนลด 50% สำหรับการผจญภัยครั้งแรกของคุณกับ บ้านโกดังเตี่ย รับข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมได้ที่นี่